กลูต้าไธโอนคืออะไร มีประโยชน์อย่างไรวันนี้มีคำตอบ

กลูต้าไธโอนคืออะไร มีประโยชน์อย่างไรวันนี้มีคำตอบ

กลูต้าไธโอนคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร มาดูกัน

เนื่องจากมีข้อมูล ต่างๆเกี่ยวกับกลูต้าไธโอนทั้ง ถูกและผิดออกมาให้เราอ่านเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับกลูต้าไธโอนโดยแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญกันดีกว่า ขอบคุณข้อมูลโดย : นายแพทย์ฉัตรชัย ศรีบัณฑิต

กลูต้าไธโอนเป็นพันธะเปปไทด์ของกรดอะมิโน 3 ตัว ได้แก่ ซีสเตอีน กลูตาเมต และไกลซีน กลูต้าไธโอนอยู่ ในรูป reduced (GSH) และ oxidized (GSSG) โดย GSSG ถูก reduced ด้วย Glutathione reductase สาร ascorbic acid จะเพิ่มการออกฤทธิ์ของ GSH ซึ่ง alpha lipoic acid (ALA) เพิ่มการออกฤทธิ์ของกลูต้าไธโอนอาจกลับมาเป็น GSSG

ลักษณะของกลูต้าไธโอน

  • กลูต้าไธโอนเป็นสารต้าน อนุมูลอิสระภายในเซลล์พบมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเซลล์ ตับ (จนถึง 5 mM)
  • กลูต้าไธโอนถูกสังเคราะห์ โดย Glutathionesynthase โดย การใช้กรดอะ มิโน 3 ชนิด : L-cysteine, L-glutamate และ glycine
  • ตามธรรมชาติมี 2 รูปแบบ ได้แก่ reduced Glutathione (GSH) และ oxidized Glutathione disulphide (GSSG)
  • อำนวยความสะดวกต่อ การทำงานของภูมิ คุ้มกัน
  • เป็นสาร mitochondrial antioxidant
  • เป็นสาร co-factor/ เอนไซม์ใน phase I enzymatic detoxification pathway
  • Phase II detoxification pathway
  • ช่วยการป้องกันระบบ ประสาท

สาเหตุการลดลงของกลูต้าไธโอน

  • แสดงให้เห็นเด่นชัด อย่างเฉียบพลัน ในการขาดกลูต้าไธโอนเมื่อรับ ประทานยาพาราเซตามอลเกินขนาด
  • ผลของการลดลงของกลูต้าไธโอนนี้เกิดใน hepatocyte ชักนำให้ตับวายและ เสียชีวิตได้
  • การขาดกลูต้าไธโอนเรื้อรังมีความสัมพันธ์กับความผิดปกติทางภูมิคุ้มกัน เพิ่มการเกิดเนื้อร้าย และในกรณีโรคเอดส์ อาจเร่งให้เกิดโรคขึ้นมาได้
  • การขาดกลูต้าไธโอนเป็น ผลใน tissue oxidative stress สามารถ เกิดโรคได้ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ที่เป็น G6PD (glucose 6-phosphate dehydrogenase deficiency) ทำให้เกิดปริมาณ NADPH และ reduced Glutathione ลดลง
  • Oxidative stress เป็น สาเหตุให้ขาดกลูต้าไธโอนใน fragile erythrocyte membranes

ข้อบ่งใช้และการ ใช้ประโยชน์ของกลูต้าไทโอน

  • รักษาพิษจากยาพาราเซ ตามอล
  • ใช้เบื้องต้นสำหรับ : มะเร็งบางชนิด โรคไขมันอุดตันที่ผนังหลอดเลือด (atherosclerosis) โรคเบา หวาน ปอดมีความผิดปกติโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคปอดอุดกั้น สูญเสียการได้ยินเนื่องมาจากเสียง ผู้ชายที่เป็นหมัน ป้องกันหรือทำให้พิษดีขึ้น ต้านเชื้อไวรัส ยากำพร้าในการรักษาเอดส์ที่สัมพันธ์กับภาวะขาดสารอาหาร

ผลข้างเคียงของการ ใช้กลูต้าไธโอน

  • ผิวหนังแดง
  • ความดันโลหิตต่ำ
  • หอบหืดเฉียบพลัน
  • อาจเกิด anaphylactic reaction จาก การปนเปื้อนหรือความไม่บริสุทธิ์

ข้อห้ามและควร ระวังเป็นพิเศษ

  • ผู้ที่แพ้ยาฉีดกลู ต้าไธโอน
  • ผู้ที่ปลูกถ่าย อวัยวะ
  • แพ้, หอบหืด

สารที่ทำให้ขาดกลูต้าไธโอน

  • การสูบบุหรี่
  • ดื่มแอลกอฮอล์
  • คาเฟอีน
  • ยาพาราเซตามอล
  • ยา
  • ออกกำลังกายหนัก
  • รังสี X Y และยูวี
  • Xenobiotics
  • Estradiol

บทบาทของกลูต้าไธโอนในยาแผนปัจจุบันและยาแผนทางเลือก

  • พิษจากยาพาราเซตามอล
  • โรคมะเร็ง
  • xenobiotics detoxification
  • โรคพาร์คินสัน
  • โรคอัลไซเมอร์
  • เพิ่มภูมิคุ้มกัน เอดส์ ต้านเชื้อไวรัส เชื้อ herpes simplex virus type I
  • โรคปอดอุดกั้น เรื้อรัง
  • สูญเสียการได้ยิน เนื่องจากเสียง
  • ผู้ชายที่เป็นหมัน
  • ออทิสติก
  • โรคเหนื่อยเรื้อรัง
  • โรคหลอดเลือดหัวใจ ตีบ
  • ความดันโลหิตสูง
  • metabolic syndrome
  • autoimmune thyroiditis

ขอบคุณบทความโดย : นายแพทย์ฉัตรชัย ศรีบัณฑิต

กลูต้าไธโอนคืออะไร มีประโยชน์อย่างไรวันนี้มีคำตอบ

วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

การขัดผิวให้ขาวเนียนด้วยสมุนไพร

คนเรานั้นมีสีผิวที่ต่างกัน แต่ละเชื้อชาติก็จะแตกต่างกันไปตาม เผ่าพันธุ์ ขาว เหลือง ดำ ฯลฯ ไม่ว่าจะเป็นผิวสีใดก็ตาม ขอเพียงให้ผิวพรรณแลดูสะอาดตาเป็นดีที่สุด แต่การมีผิวพรรณสวยสดใส ผุดผ่องเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล ย่อมเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคุณผู้หญิง จริงมั้ยครับ มีสถานเสริมความงามให้บริการการขัดผิว รวมถึงมีตัวยา หรือสารต่าง ๆ ที่โฆษณาสรรพคุณมากมายในการบำรุงดูแลรักษาสามารถทำให้ผิวขาวผิวเนียน ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง แต่สาวๆ ก็ยังนิยมไปทำกัน เป็นเพราะอยากมีผิวที่ขาวเนียนนี่แหละครับ ในตอนนี้หมอจะแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการมีผิวที่ขาวเนียน หรือผิวดีดูสะอาดลดใสเปล่งปลั่งที่ได้ผลดี ซึ่งใช้ได้ทั้งคุณผู้ชาย และโดยเฉพาะคุณผู้หญิงครับ วิธีนั้นก็คือ การขัดผิว ด้วยสมุนไพร การขัดผิวด้วยสมุนไพร ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถทำให้ผิวพรรณผุดผ่องขาวเนียน ปลอดภัย และไม่มีอันตรายแต่อย่างใด ผิวแห้งหยาบกร้านเป็นจุดด่างดำ ส่วนหนึ่งมาจากแสงแดดซึ่งทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ หนังกำพร้าดำด้านแห้งเกรียมจะเกาะติดแน่นกับผิวหนัง ดังนั้นการขัดผิวจะช่วยทำให้หนังกำพร้าที่ตายแล้วหลุดออก เผยผิวใหม่ที่ผุดผ่องนวลเนียนน่าลูบไล้ ลดรอยด่างดำ ป้องกันความอับชื้นหมักหมมที่อาจเป็นบ่อเกิดของเชื้อราตามผิวหนัง กรณีคนผิวคล้ำ การขัดผิวจะช่วยให้ผิวเนียนเรียบและผุดผ่องขึ้น ไม่ต้องน้อยใจว่ามีสีผิวคล้ำนะครับ อย่างที่หมอบอก ขอให้ผิวพรรณแลดูสะอาดตาก็มีเสน่ห์เขาเรียกว่าดำขำเข้มคมครับ สมุนไพรที่ใช้ในการขัดผิว ส่วนใหญ่เป็นพวกพืชสมุนไพรชนิดต่าง ๆ ที่นำมาเป็นส่วนผสมหลัก ได้แก่ 1. พืชสมุนไพรในตระกูลของ Zingiberaceae คือ ไพล ขมิ้นอ้อย ขมิ้นชัน มีคุณสมบัติในการรักษาและถนอมผิว ช่วยให้ผิวขาวและดูอ่อนเยาว์ ทั้งมีฤทธิ์ต้านเชื้อโรคและกระตุ้นระบบการไหลเวียนของเลือด ทำให้ร่างกายสดชื่นผิวพรรณเต่งตึงขึ้น 2. ยอดและใบมะขามมีรสเปรี้ยวจากกรดอินทรีย์ธรรมชาติ ใช้ประโยชน์ในแง่ของการถนอมผิว กรดอินทรีย์เหล่านี้จะออกฤทธิ์เหมือน AHA ที่ช่วยทำหน้าที่กัด และลอกผิวหนังกำพร้าที่หยาบกร้านออก ทำให้รอยหยาบกร้านลดลง ลดรอยแผลเป็น คราบจุดด่างดำ ไม่เกิดอาการระคายเคืองต่อผิว เพราะความเข้มข้นของกรดไม่สูงเกินไป 3. Silica (ทำหน้าที่เหมือนทรายละเอียด) ขจัดเซลล์ผิวหนังชั้นนอกที่ตายแล้ว รวมถึงสิ่งสกปรก คราบฝุ่นที่ตกค้างออก แก้ปัญหาการอุดดันของรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวและจุดด่างดำ 4. ดินสอพอง จะช่วยลดน้ำมันส่วนเกินของผิวหนังและปรับสภาพผิวเพื่อเตรียมในการบำรุงผิวใน ขั้นตอนต่อไป 5. สารอื่นที่เป็นส่วนประกอบของแต่ละผลิตภัณฑ์ ซึ่งส่วนมากจะเป็นสารที่ช่วยเสริมสร้าง บำรุงผิวให้ขาวเนียนขึ้น เพื่อผิวที่เนียนนุ่มและผุดผ่อง คุณควรเลือกผงขัดผิวที่มีตัวยาสมุนไพรหลักครบถ้วน และควรขัดผิวด้วยสมุนไพรอย่างน้อยเดือนละ 1 - 2 ครั้ง เพื่อที่จะขจัดผิวหนังชั้นนอกที่แห้งหยาบกร้านออก ซึ่งการขัดผิวจะมีขั้นตอนอย่างง่ายๆ มีดังนี้ 1. ควรอาบน้ำฟอกสบู่ทำความสะอาดร่างกาย ก่อนการขัดผิวทุกครั้ง 2. เมื่อทำความสะอาดร่างกายแล้วให้ใช้ผงขัดผิวทาให้ทั่วบริเวณใบหน้า และลำตัวที่ต้องการขัดแล้วปล่อยทิ้งไว้ 10 นาที แล้วลงมือขัดถูเบา ๆ สารสมุนไพรจะกัดและลอกเอาคราบไคลของผิวหนังกำพร้าที่แห้งหยาบกร้านให้หลุด ลอกออกจากร่างกาย ควรใช้เวลาขัดผิวประมาณ 15 - 20 นาที แล้วให้ล้างออกด้วยน้ำโดยไม่ต้องฟอกสบู่อีก เพราะว่าจะได้ไม่ชำระล้างเอาสารบำรุงผิวหนังจากผงขัดผิวออกไป 3. ควรขัดผิวหนังสม่ำเสมออย่างน้อยเดือนละ 1-2 ครั้ง เพื่อลอกเอาคราบไคลและหนังกำพร้าที่แหงหยาบกร้านออกจากผิวหนังชั้นบน แล้วผิวหนังชั้นล่างจะได้ขาว อ่อนนุ่มและเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์ผงขัดผิวในท้องตลาดจะมีหลายชนิดด้วยกัน แต่ผงขัดผิวที่สถานเสริมความงามและสถานพยาบาลนิยมใช้มักจะเป็นผงขัดผิวเนียน ของบริษัทที่มีแพทย์แผนไทยหรือเภสัชกรเป็นผู้ผลิต เพราะจะมีส่วนผสมของสมุนไพรไทยครบถ้วนที่ใช้สำหรับขัดผิวครับ สำหรับผู้ที่มีผิวบาง การขัดผิวอาจทำให้เกิดอาการแสบขณะขัดถูผิวบ้างส่วนกรณีผิวแพ้ง่าย ต้องลังเกตุว่า เป็นการแพ้จากภูมิแพ้หรือสารเคมี หากแพ้จากสารเคมี ก็สามารถขัดผิวด้วยสมุนไพรได้ จะช่วยให้ผิวดูดีขึ้นได้ และหลังการขัดผิวแล้ว ควรบำรุงผิวเพื่อให้ผิวชุ่มชื้น หากคุณสนใจเรื่องการขัดผิวด้วยสมุนไพร คุณสามารถหาซื้อผงขัดผิวได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป หรืออาจจะโทรสั่งซื้อได้ที่ 1. บริษัท ยาอินไทย โทร. 0-2879-0300 ต่อ 1034 หรือสั่งทางไปรษณีย์ที่ เลขที่ 454 ถ.จรัญสนิทวงศ์ แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด กทม. 10700 2. โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ โทร. 037-216145 หรือสั่งทางไปรษณีย์ที่ เลขที่ 32/7 ม.12 อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี การที่ทำให้ผิวพรรณผุดผ่องสวยสดใส สิ่งสำคัญที่สุดที่ไม่ควรมองข้าม คือ การให้อาหารแก่ร่างกายเพื่อเสริมสร้างผิวด้วยการรับประทานผักผลไม้ ดื่มน้ำสะอาดให้มาก ๆ เพื่อเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงฝุ่นละออง มลภาวะ แสงแดด และความเครียด มีวิธีง่าย ๆ เพียงแค่นี้แหละครับ คุณก็จะมีผิวพรรณที่ผุดผ่องสวยสดใสได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น